วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

2.15 Subject Verb Agreement


Subject - Verb Agreement

ในประโยคภาษาอังกฤษ  ประธานของประโยค ( Subject ) และการใช้คำกริยา  (Verb ) จะต้องสอดคล้องกัน กล่าวคือ ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นเอกพจน์  ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ กริยาต้องเป็นพหูพจน์   ปัญหาสำหรับผู้เรียนคือ ไม่แน่ใจว่าประธานเป็นเอกพจน์หรือพหุพจน์  เช่น
government , committee  ซึ่งเป็นได้ทั้งเอกพจน์ และพหูพจน์ แล้วแต่การใช้
furniture,money  ดูน่าจะเป็นพหูพจน์ แต่ในภาษาอังกฤษคำเหล่านี้เป็นนามนับไม่ได้  มีความหมายเป็นเอกพจน์
police, people  ใช้อย่างพหูพจน์เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ผู้เรียนจะต้องทำความเข้าใจเรื่อง nouns รวมทั้งข้อยกเว้นต่างๆให้ถ่องแท้จึงจะสามารถใช้คำกริยาให้สอดคล้อง กับประธานไดอย่างถูกต้อง
 หลักการใช้กริยาให้สอดคล้องกับประธาน
 1. ประธานเป็นเอกพจน์ กริยาเป็นเอกพจน์ ประธานเป็นพหูพจน์ กริยาเป็นพหูพจน์
Jane lives in China. เจนอาศัยอยู่ในประเทศจีน
The  Jones live in France. ครอบครัวโจนส์อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส
 2. กรณีมีประธาน 2 ตัว เชื่อมด้วย and โดยปกติถือเป็นพหูพจน์ กริยาจึงอยูในรูปพหูพจน์
Jean and David are moving back to Australia. เจนและเดวิด กำลังจะย้ายกลับไปประเทศออสเตรเลีย
3. กรณีมีประธาน 2 ตัว เชื่อมด้วย and   แด่นำมาใช้โดยคิดเป็นหน่วยเดียวกัน   ใช้กริยาเป็นเอกพจน์
Bread and butter has been my breakfast for years. ขนมปังและเนยเป็นอาหารมื้อเช้าของฉันมาหลายปีแล้ว
Honesty and truth is the best policy. ความซื่อสัตย์และความจริงเป็นนโยบายที่ดีที่สุด
Rice and curry is my  daughter's favorite food. ข้าวแกงกะหรี่เป็นอาหารโปรดของลูกสาวฉัน

แต่ถ้าผู้พูดคิดว่าแยกกัน    ก็จะมีความหมายเป็นพหูพจน์ เช่น
Rice and curry are what  we have  for lunch today. เรามีข้าวและแกงกะหรี่เป็นอาหารกลางวันวันนี้
4. ประธานที่มีคำนามมากกว่า 1  และเชื่อมด้วย and    หากเป็นคนหรือสิ่งเดียวกัน จะมี article ที่ประธานตัวหน้าแห่งเดียว
    หากเป็นคนละคนกันจะมี article ที่คำนามทั้งสอง เช่น
The manager and owner of this restaurant is my friend. ผู้จัดการและเจ้าของร้านอาหารนี้เป็นเพื่อนของฉัน ( คนเดียวกัน )
The manager and the owner of this restaurant are my friends. ผู้จัดการและเจ้าของร้านอาหารนี้เป็นเพื่อนของฉัน ( คนเละคน  )
The black and white cat under the table is my cat. แมวขาวดำใต้โต๊ะนั้นเป็นแมวของฉัน ( ตัวเดียว )
The black and the white cat under the table are my cats.  แมวขาวและแมวดำใต้โต๊ะนั้นเป็นแมวของฉัน ( 2 ตัว )
 5.ประธานที่มีวลีหรือคำขยายต่อไปนี้ต่อท้าย จะใช้กริยาเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์นั้น ต้องยึดการใช้กริยาตามประธานตัวหน้าเป็นหลัก
    accompanied by ( พร้อมด้วย )in company with  ( พร้อมด้วย )
    along with ( พร้อมด้วย )including ( รวมทั้ง )
    as well as ( เช่นเดียวกับ )like ( เช่นเดียวกับ )
    besides (นอกจาก )not ( ไม่ใช่ )
    but ( ยกเว้น )plus ( รวมทั้ง )
    except ( ยกเว้น )together with ( พร้อมด้วย )
    excluding ( ไม่นับ )with ( พร้อมกับ )
    in addition to ( นอกจาก )
เช่น 
John together with his colleagues has agreed to work late tonight to get the job finished.  จอห์นพร้อมทั้งเพื่อนร่วมงานของเขาตกลงที่จะอยู่ทำงานดึกเพื่อให้งานเสร็จ ( ใช้กริยาตาม John )
Some people including my brother find cricket boring. คนบางคนรวมทั้งน้องชายฉันคิดว่าคริกเก็ต
( เป็นกีฬาที่คล้ายเบสบอลนิยมเล่นในประเทศอาณานิคมอังกฤษเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ปากีสถาน ) เป็นกีฬาที่น่าเบื่อ ( ใช้กริยาตาม some people)
6. ประโยคหรือวลีที่ขยายประธาน ไม่มีผลต่อการใช้กริยาของประธาน
John, with all his players, was on the field.
จอห์นพร้อมด้วยบรรดาผู้เล่นของเขาอยู่บนสนาม (  with all his players ขยายประธานคือ John )Mr. Clark,like our other neighbors,is very helpful.
คุณคลาร์คก็ให้ความช่วยเหลือเราดีเหมือนคนอื่นๆ
 7.คำต่อไปนี้ถือเป็นเอกพจน์ เมื่อมาเป็นประธานของประโยค ต้องใช้กริยาเอกพจน์เสมอ ได้แก่
    anybodyeverybodysomeone
    anyoneeveryonesomebody
    anythingeverythingsomething
    anywhereeverywheresomewhere
    each + นามเอกพจน์either + นามเอกพจน์neither +นามเอกพจน์
    each of + นามพหูพจน์either of + นามพหูพจน์neither of +นามพหูพจน์
    nobodyevery + นามเอกพจน์nothing
เช่น
Is there anybody here who could speak Japanese? มีใครที่นี่พูดภาษาญี่ปุ่นได้บ้าง
Each of the lessons takes an hour. บทเรียนแต่ละบทใช้เวลา 1 ชั่วโมง
Somebody is in the room. มีใครบางคนในห้อง
Neither of my sisters is married. ไม่มีน้องสาวคนไหนของฉันแต่งงานเลย
Either of us is   to clean up the house after the party tonight.
เราคนใดคนหนึ่งต้องทำความสะอาดบ้านหลังงานเลี้ยงคืนนี้  
 8.ประธานซึ่งเชื่อมด้วยคำต่อไปนี้ กริยาถือตามประธานตัวหลัง
    orneither... nor
    either....ornot only......but also
เช่น 
Neither the Priminister nor his representatives are to attend the meeting. ทั้งนายกรัฐมนตรีและผู้แทน ( ของนายก ฯ )ไม่ต้องเข้าร่วมการประชุม
Either the teachers or the principal is to blame for the accident. ไม่พวกครูก็ครูใหญ่ต้องรับผิดชอบในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
Not only Jim but also  his friends are  coming to the party tonight.  ไม่เพียงแต่จิมเท่านั้นที่มาร่วมงานเลี้ยง  เพื่อนๆของเขาก็มาด้วย
       หมายเหตุ ในกรณีประธาน 2 ตัว  นิยมเอาประธานที่เป็นพหูพจน์ไว้ข้างหลังมากกว่า
 9.  คำ  Indefinite Pronouns ต่อไปนี้ถ้าใช้แทนคำนามนับได้ ถือเป็นพหูพจน์เสมอ
all, both,  (a) few, many, several, some
เช่น 
All were ready to leave the party by midnight.  ทั้งหมดพร้อมที่จะออกจากงานเลี้ยงตอนเที่ยงคืน
Few were in the audience to see the horrible play. มีคนดูละครห่วยๆนี้อยู่ไม่กี่คน
Many were invited to the lunch but only twelve showed up. มีคนไดัรับเชิญรับประทานอาหารกลางวันหลายคน แต่มีคนมาเพียง 12 คน
 10.การใช้วลีบอกปริมาณ
1. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ถ้าตามด้วยนามเอกพจน์ต้องใช้ กริยาต้องใช้เอกพจน์        ถ้าตามด้วยนามพหูพจน์กริยาต้องใช้พหูพจน์
    a lot ofplenty ofmost ofsome of
    lots ofall ofnone ofpercent of
เช่น
I think a lot of English wine is too sweet.   ฉันคิดว่า ไวน์ของอังกฤษจำนวนมากที่หวานเกินไป
      ( wine เป็น นามนับไม่ได้มีความหมายเป็นเอกพจน์
A lot of people are in the room,  มีคนจำนวนมากในห้อง
      ( people มีรูปเอกพจน์คือไม่มี s แต่มีความหมายพหูพจน์จึงใช้ are   ดูในเรื่อง Nouns -singular/plural

Some of my jewelry is missing.    ของประดับมีค่าของฉันหายไปบางชิ้น
Some of my friends were at the airport to see me off    เพื่อนบางคนไปส่งฉันที่สนามบิน

Ten per cent of the men have lung problems.  สิบเปอเซนต์ของผู้ชายมีปัญหาเกี่ยวกับปอด
Ten per cent of the money is yours.   เงินสิบเปอเซนต์เป็นของคุณ
2. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ และกริยาก็ต้องเป็นพหูพจน์ตามด้วยคือ
a number ofmany
a large number ofa good many
a great number ofa great many
เช่น
A number of students are playing football.  นักเรียนจำนวนมากกำลังเล่นฟุตบอล
A large number of tourists get lost because of that sign.  นักท่องเทียวจำนวนมากหลงทางเพราะป้ายนั้น
There  are still a large number of problems to be solved.   ยังมีปัญหาต้องแก้ไขอีกมาก
 11.วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ เมื่อใช้กับนามนับไม่ได้  กริยาต้องใช้รูปเอกพจน์ตลอดไป
mucha large number of
a great deal ofa large amount of
a good deal ofa large quantity of
เช่น
Although a great deal of progress has been made in the development of  spoken communication with computers, there  are still a large number of problems to be solved.
หมายเหตุ  แต่  the number  of  ตามด้วยนามพหูพจน์ และใช้กริยาเอกพจน์ เช่น
The number of students in the class is limited to twenty.   จำนวนของนักเรียนในห้องจำกัดที่ยี่สิบคน
 12.ประโยคที่มี who, which , that เป็น Relative Pronoun  กริยาของ Relative Pronoun จะใช้รูปของเอกพจน์หรือพหูพจน์ ให้ถือเอาตามคำที่มันแทนซึ่งอยู่ข้างหน้า who, which , that   เช่น
He is one of my friendwho are millionaires.  เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของฉัน ( ในหลายๆคน ) ที่เป็นเศรษฐี
( ใช้ are เพราะ who ขยาย my friends )
 13.ประธานที่ขึ้นต้นด้วย Infinitive Phrase ( วลีที่นำหน้าด้วย to ) หรือ gerund ( ing ) ถือว่าเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นรูปเอกพจน์ตาม เช่น
To see is to believe. ต้องได้เห็นจึงจะเชื่อได้ ( สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น )
To distill a quart a moonshine takes two hours.    การกลั่นเหล้าเถื่อน1ควอตใช้เวลา 2 ชั่วโมง
Winning the national championship is her most important achievement.
การชนะเลิศระดับชาติเป็นความสำเร็จที่สำคัญมากสำหรับเธอ
 14.จำนวนเงินหรือมาตราต่างๆ เช่น   ถือเป็นเอกพจน์ เช่น
Twenty thousand bahts is too high for this camera. ราคาสองหมื่นบาทสูงเกินไปสำหรับกล้องตัวนี้
Two hundred miles is a long way. สองร้อยไมล์เป็นระยะทางที่ไกลมาก
 15.เศษส่วนของคำนามพหูพจน์เป็นพหูพจน์  เศษส่วนของคำนามเอกพจน์เป็นเอกพจน์
Two-thirds of the boys are absent.   สองในสามของเด็กชายขาดเรียน
Two-thirds of the wall has been painted.  สองในสามของฝาผนังได้ทาสีไปแล้ว
 16.ชื่อหนังสือหรือบทความเป็นเอกพจน์ เช่น
Gulliver's travels was written by  Swift. หนังสือเรื่องการเดินทางของกัลลิเวอร์ เขียนโดยสวิฟต์


Exercises
Choose the right verb form in each of the sentences
1. Economics.........John's major field of study.
       is      are
2. Neither Jim nor his friends............to help on the washing.
       wants    want
3. The people ...........early for the lectures.
       arrive     arrives
4. Either topic.............the professor's approval.
        has    have
5. The report of your grade .................in the office.
      is    are
6. The first two parts of the experiment ................the most time.
     take     takes
7. The novelist and the artist ..............going abroad.
      is    are
8. Jim or Jill ...............a white suit.
     wears    wear
9. The committee ................agreed on a plan.
     have      has
10. Everybody....................money.
     like     likes
11. The rich sometimes...............the poor.
       helps     help
12. The author and lecture .................arriving tonight.
       is      are
13. The government ................decided to pass the bill.
       has     have
14. My teacher and advisor , Miss Surang ...........very kind.
      are    is
15. One half of these books................. to you.
      belong    belongs
16. Half of the time ...................spent in the country.
      is     are
17. Slow and steady...............the race.
     win     wins
18. The moon with the stars ..................during night.
      shines    shine

19. Either Anong or her sisters ...................making dolls.
      are     is
20. A number students ..................waiting for the lesson to begin.
       is      are



Anwers
1. Economics( is) John 's major field of study.         
2. Neither Jim nor his friends  (want)  to help on the washing.       
3. The people  ( arrive)  early for the lectures.      
4. Either topic ( has )  the professor's approval.   
5. The report of your grade  ( is )  in the office.   
6. The first two parts of the experiment  ( take )  the most time.
7. The novelist and the artist ( is )  going abroad.
8. Jim or Jill (wears) a white suit.
9. The committee  (have)  agreed on a plan.
10. Everybody ( likes)  money.
11. The rich sometimes  (help)  the poor.
12. The author and lecture ( is ) arriving tonight.
13. The government ( has)  decided to pass the bill.
14. My teacher and advisor, Miss Surang ( is )  very kind.
15. One half of these books  (belongs)  to you.
16. Half of the time  ( is )  spent in the country.
17. Slow and steady ( wins ) the race.
18. The moon with the stars  ( shines ) during night.
19. Either Anong or her sisters  (are)  making dolls.
20. A number students (are)  waiting for the lesson to begin.

2.14 Active and Passive



Voice    หมายถึงวิธีพูด     Active Voice  หมายถึงรูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้กระทำหรือแสดงกริยานั้นโดยตรง   เช่น
The dog bit the boyสุนัขกัดเด็กชาย  ( สุนัขเป็นประธานผู้กระทำโดยตรง และเด็กชายเป็นกรรม)
Dara will present her research at the conference.
Susan is cooking dinner.
They are going to build  a new house  soon.
Passive Voice  หมายถึงรูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้นโดยผู้อื่น  
หลักการใช้  Passive Voice มีดังนี้
  • ให้ความสำคัญกับกรรม  ( object ) ของประโยคหรือสิ่งที่ถูกกระทำมากกว่าประธาน   หรือไม่สนใจว่าใครทำแต่สนใจผลที่เกิดขึ้น เช่น
    Your bicycle has been damagedรถจักรยานของคุณถูกทำเสียหาย
    ( ประโยคนี้ไม่สนใจว่าใครเป็นคนทำ  สนใจแต่เพียงว่ามีการเสียหายเกิดขึ้น  เช่นเดียวกับประโยคต่อไป)
    Rules are made to be broken. ( by ? )
    Police are being notified ( by? ) that three prisoners have escaped.
    Everything will have been done by Tuesday.
  • ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผู้กระทำ เนื่องจากรู้กันอยู่แล้ว
    The thieves were all arrested .  ( เป็นทั่รู้กันอยู่ว่าผู้จับน่าจะเป็นตำรวจ )
    English is spoken here.  ( ผู้ที่พูดคือคนโดยทั่วไป )
  • เมื่อไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ
    Printing was invented in China. ( ผู้คิดค้นเป็นใครไม่ทราบ )
การทำ Active Voice  ให้เป็น Passive Voice
I.  ประโยคที่มีกรรมตัวเดียว ( Direct Object )
  • เอากรรมของประโยคขึ้นมาเป็นประธาน
  • ใช้ verb to be ให้ถูกต้องตามประธาน
  • กริยาแท้ในประโยคให้เปลี่ยนเป็นช่อง 3  ( past participle )
  • เอาประธานของประโยค Active  ไปเป็นกรรมหลัง by
เช่น
The boy was bitten by  the dog. ( เอากรรมคือเด็กชายขึ้นมาเป็นประธาน )
Research will be  presented by Dara at the conference.
Dinner is being cooked by Susan.
A new house is going to be  built . ( by them )
หมายเหตุ      ผู้กระทำในประโยค  Passive  ที่เป็น phrase  " by the......"  อาจจะละไว้ก็ได้
สรุปการใช้ประโยค Passive Voice ของ  Tenses ต่างๆ
Tenses
ประธาน
กริยาช่วย
Past
Participle
เอกพจน์
พหูพจน์
Present
The car/cars
is
are
designed.
Present perfect
The car/cars
has been
have been
designed.
Past
The car/cars
was
were
designed.
Past perfect
The car/cars
had been
had been
designed.
Future
The car/cars
will be
will be
designed.
Future perfect
The car/cars
will have been
will have been
designed.
Present progressive
The car/cars
is being
are being
designed.
Past progressive
The car/cars
was being
were being
designed.
IIประโยคที่มีกรรมตรง และกรรมรอง ( Direct  & indirect object)
เมื่อประโยค Active มีกรรม 2 ตัวคืือ
กรรมตรง ( Direct Object )  =  สิ่งของ
กรรมรอง ( Indirect object )    =  บุคคล
เมื่อจะเปลี่ยนเป็น Passive  นิยมเอากรรมรอง คือบุคคลขึ้นเป็นประธาน  ถ้าจะเอากรรมตรงเป็นประธานก็ได้ แต่ต้องใส่บุพบท to ข้างหน้ากรรมรองที่เหลืออยู่ด้วย เช่น
Active:The teacher gave me a book.
Passive: I was given a book by the teacher. ( กรรมรองเป็นประธาน )
Passive : A book was given to me by the teacher.  ( กรรมตรงเป็นประธาน )
Active: My father gave ten dollars to my sister.
Passive : My sister was given ten dollars by my father. ( กรรมรองเป็นประธาน )
Passive : Ten dollars were given to my sister by my father. ( กรรมตรงเป็นประธาน )

Active: The guide will show you the museum.
Passive: You will be shown the museum by the guide. ( กรรมรองเป็นประธาน )
Passive: The museum will be shown to you by the guide. ( กรรมตรงเป็นประธาน )
ตัวอย่างกริยาที่มีกรรมได้ 2 ตัวได้แก่
give
answer
show
tell
send
buy
call
teach
ask
sell
write
lend
III  คำกริยาที่ไม่สามารถทำให้เป็นประโยค Passive ได้คือ
กริยาที่ไม่สมบูรณ์ด้วยตัวเองซึ่งเราเรียกว่า Linking verbs ( Copular Verbs)  เป็นคำกริยาที่ ต้องมีส่วนสมบูรณ์ ( complement ) เข้ามาช่วยจึงจะได้ความหมายสมบูรณ์โดยไม่ต้องมีกรรม   คำเหล่านี้ได้แก่
be
keep
sound
get
prove
seem
stay
smell
go
turn
appear
look
taste
come
turn out
remain
feel
become
grow
end up, wind up
เช่น
Active voice : He became a successful business man.
จะเปลี่ียนเป็น  A  successful business man was become by  him. ไม่ได้
ตัวอย่างของประโยคที่คำกริยาเป็น linking verb  เช่น
You look lovely.
My hand feel cold.
That sounds good to me.
It smells funny in this room.
IV   ใช้ get แทน  be ในประโยค Passive  ( ในการใช้อย่างไม่เป็นทางการ )
คำกริยาต่อไปนี้ อาจใช้กับ get แทน verb to be
tire
dress
upset
invite
pay
do
marry,divorce
hurt
accustom
confuse
bore
hire
disgust
stuck
lose
worry
drink
pack
fire
engage
hit

He was lost  = He got  lost.
She wasn't invited  = She didn't get invited.
They were married last year. = They got married last year.
I didn't stay for the end of the movie because I got bored.
There was an accident, but luckily nobody got hurt.
การใช้ประโยคโดยทั่วไปจะใช้เป็น   Active  Voice   และหลีกเลี่ยงการใช้  Passive เท่าที่จะทำได้    แต่หากจะมีการใช้ Passive Voice ก็มักจะใช้ในการเขียนเอกสารที่เป็นทางการ ข่าว และรายงาน ทางวิทยาศาสตร์.
เช่น ในข่าวในหนังสือพิมพ์
The woman was killed at. . . .
The boy was struck by. . . ."
President Kennedy was killed.   (  ไม่ใช้Oswald killed President Kennedy.)
It was reported that. . . .
It was recommended that. . . ..
It is reported that......
This letter will confirm. . . .     ( ไมใช่I write this letter to confirm. . . . )
He was jailed for three months.
ในรายงานการศึกษาวิจัย ซึ่งผู้อ่านจะสนใจผลมากกว่าสนใจผู้กระทำ
It can be seen that.......
Heart disease is considered the leading cause of death in the United States
The interviews were conducted in groups.
The sample was weighed to find its dry weight .

Active and Passive Voice Exercise

Rewrite the following sentences so that the verbs will be in the active voice.
1.    We are taught grammar by Ms Sullivan.
2.    He was praised by the teacher.
3.    The injured were taken to the hospital by the firemen.
4.    The town was destroyed by an earthquake.
5.    The teacher was pleased with the boy’s work.
6.    The building was damaged by the fire.
7.    By whom were you taught French?
8.    You will be given a ticket by the manager.
9.    The streets were thronged with spectators.
10.    We will be blamed by everyone.
11.    The trees were blown down by the wind.
12.    The thieves were caught by the police.
13.    The letter was posted by Alice.
14.    We were received by the hostess.
15.    The snake was killed with a stick.
16.    The minister was welcomed by the people.
17.    He was found guilty of murder.
18.    This house was built by John Mathews in 1991.


Answers
1.    Ms Sullivan teaches us grammar.
2.    The teacher praised him.
3.    The firemen took the injured to the hospital.
4.    An earthquake destroyed the town.
5.    The boy’s work pleased the teacher.
6.    The fire damaged the building.
7.    Who taught you French?
8.    The manager will give you a ticket.
9.    Spectators thronged the streets.
10.    Everyone will blame us.
11.    The wind blew down the trees.
12.    The police caught the thieves.
13.    Alice posted the letter.
14.    The hostess received us.
15.    They/somebody killed the snake with a stick.
16.    The people welcomed the minister.
17.    They found him guilty of murder.
18.    John Mathews built this house in 1991
.



2.13 Tenses


Tenses

The concept of time can be split into:
1. The Present - What you are currently doing.   
I eat, I am eating                                  
2. The Past - What you did some time back.  
I ate, I was eating
3. The Future - What you will do later.  
I will eat, I will be eating                                             
In the English language, tenses play an important role in sentence formation. 
The tense of a verb shows the time of an event or action.
There are four types of tenses. Simple, Perfect, Continuous and Present Perfect Continuous and each of these has a present, past and future form.    

PRESENT TENSES
In Simple Present, the action is simply mentioned and there is nothing being said about its completeness.
I eat.
I sleep.
I play.


In Present Continuous, the action is on-going/ still going on and hence continuous.
I am eating.
I am sleeping.
I am playing.     

In Present Perfect, the action is complete or has ended and hence termed Perfect.
I have eaten.
I have slept.
I have played.

In Present Perfect Continuous, the action has been taking place for some time and is still ongoing.
I have been eating.
I have been sleeping.
I have been playing.

PAST TENSES
In Simple Past, the action is simply mentioned and understood to have taken place in the past.
I ate.
I slept.
I played.


In Past Continuous, the action was ongoing till a certain time in the past.
I was eating.
I was sleeping.
I was playing.

Past Perfect is used to express something that happened before another action in the past.
I had eaten.
I had slept.
I had played.

Past Perfect Continuous is used to express something that started in the past and continued until another time in the past.
I had been eating.
I had been sleeping.
I had been playing.

FUTURE TENSES
Simple Future is used when we plan or make a decision to do something. Nothing is said about the time in the future.
I will eat.
I will sleep.
I will play.


The future continuous tense is used to express action at a particular moment in the future. However, the action will not have finished at the moment.
I will be eating at 9 a.m.
I will be sleeping when you arrive.
I will be playing at 5 p.m.
  
Future Perfect expresses action that will occur in the future before another action in the future.
I will have eaten before 10 a.m.
I will have slept before you arrive.
I will have played before 6 p.m.

Future Perfect Continuous is used to talk about an on-going action before some point in the future.
I will have been sleeping for two hours when you arrive.
I will have been playing for an hour when it is 5 p.m.


Grammar Exercises - Mixed Tenses Exercises

Put the verbs into the correct tense (simple present or present progressive)

  1. Look! Sara (go)  to the movies.
  2. On her right hand, Sara (carry)  her handbag.
  3. The handbag (be)  very beautiful.
  4. Sara usually (put)  on black shoes but now she (wear)  white trainers.
  5. And look, she (take)  an umbrella because it (rain)   

Put the verbs into the correct tense (simple past or past perfect)

  1. When he (wake up)  , his mother (already /prepare)  breakfast
  2. We (go)  to London because our friends (invite)  us
  3. He (hear)  the news, (go)  to the telephone and (call)  a friend.
  4. When she (start)  learning English she (already /learn)  French.
  5. Jane (already / type)  three pages when her computer (crash)  .

Put the verbs into the correct tense (simple past or present perfect).

  1. I (just / finish)  my homework.
  2. Mary (already / write)  five letters.
  3. Tom (move)  to his home town in 1994.
  4. My friend (be)  in Canada two years ago.
  5. I (not / be)  to Canada so far.

Put the verbs into the correct tense (Simple Past or Past Progressive).

  1. The receptionist (welcome)  the guests and (ask)  them to fill in the form
  2. The car (break)  down and we (have)  to walk home.
  3. The boys (swim)  while the girls (sunbath)  .
  4. My father (come)  in, (look)  and (tell)  me to tidy up my room.
  5. While one group (prepare)  dinner the others (collect)  wood for the campfire.

Put the verbs into the correct tense (simple future or future perfect)

  1. Tomorrow I think I (start)   my new project.
  2. I (finish)  it by the end of this month.
  3. The teacher (probably/assign)  a test to his students next Monday.
  4. He (correct)  it by the end of next week.
  5. My friend (certainly/get)  a good mark.







Answer

Put the verbs into the correct tense (simple present or present progressive)

  1. Look! Sara (go) is goinghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png to the movies.
  2. On her right hand, Sara (carry) is carryinghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png her handbag.
  3. The handbag (be) ishttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png very beautiful.
  4. Sara usually (put) putshttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png on black shoes but now she (wear) is wearinghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png white trainers.
  5. And look, she (take) is takinghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png an umbrella because it (rain) is raininghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png

Put the verbs into the correct tense (simple past or past perfect)

  1. When he (wake up) woke uphttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png , his mother (already /prepare) had already preparedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png breakfast
  2. We (go) wenthttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png to London because our friends (invite) had invitedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png us
  3. He (hear) heardhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png the news, (go) wenthttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png to the telephone and (call) calledhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png a friend.
  4. When she (start) startedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png learning English she (already /learn) had already learnedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png French.
  5. Jane (already / type) had already typedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png three pages when her computer (crash) crashedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png .

Put the verbs into the correct tense (simple past or present perfect).

  1. I (just / finish) have just finishedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png my homework.
  2. Mary (already / write) has already writtenhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png five letters.
  3. Tom (move) movedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png to his home town in 1994.
  4. My friend (be) washttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png in Canada two years ago.
  5. I (not / be) have not beenhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png to Canada so far.

Put the verbs into the correct tense (Simple Past or Past Progressive).

  1. The receptionist (welcome) welcomedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png the guests and (ask) askedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png them to fill in the form
  2. The car (break) brokehttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png down and we (have) hadhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png to walk home.
  3. The boys (swim) were swimminghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png while the girls (sunbath) were sunbathinghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png .
  4. My father (come) camehttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png in, (look) lookedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png and (tell) toldhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png me to tidy up my room.
  5. While one group (prepare) was preparinghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png dinner the others (collect) were collectinghttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png wood for the campfire.

Put the verbs into the correct tense (simple future or future perfect)

  1. Tomorrow I think I (start) will starthttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png my new project.
  2. I (finish) will have finishedhttp://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png it by the end of this month.
  3. The teacher (probably/assign) will probably assign http://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png a test to his students next Monday.
  4. He (correct) will have corrected http://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png it by the end of next week.
  5. My friend (certainly/get) will certainly get http://www.myenglishpages.com/images/icons/vrai.png a good mark.