Conjunctions คือ คำที่ใช้เชื่อมระหว่างคำกับคำ วลีกับวลี และประโยคกับประโยค เพื่อให้คำ หรือประโยคที่เชื่อมกันมีความหมายสมบูรณ์
หน้าที่ของ Conjunctions
1.เชื่อมคำกับคำ (joins words) เช่น
Sam and Robert are playing tennis.
แซมกับโรเบิร์ตกำลังเล่นเทนนิส (เป็นการเชื่อมคำสองคำคือคำว่า ‘Sam’ กับ ‘Robert’)
2.เชื่อมประโยคต่อประโยค (joins sentence) เช่น
Boonma is a good man but he is unlucky.
บุญมาเป็นคนดีแต่โชคไม่ค่อยเข้าข้างเขาเลย
(เป็นการเชื่อมประโยค (1) Boonma is a good man และ (2 ) he is unlucky )
3.เชื่อมวลี (joins phrase) เช่น
I do my homework before down or after five.
ฉันทำการบ้านก่อนค่ำหรือไม่ก็หลังจาก 5 โมงเย็น
4.เชื่อมอนุประโยค (joins clauses) เช่นShe wept because her father went out.
เธอร้องไห้เพราะว่าพ่อของเธอออกไปข้างนอก
ประเภทของ Conjunctions
1. Coordinating Conjunctions (สันธานประสาน) คือ คำเชื่อมคำเดียว
หรือคำเชื่อมที่เป็นกลุ่มคำ ใช้เชื่อมประธานกับประธาน (subject + subject)
วลีกับกริยาวลี (phrase + verb phrase) หรือประโยคกับประโยค ( sentence + sentence)
ซึ่งมีใจความเท่าเทียมกัน (join together clause of equal rank) ได้แก่คำเหล่านี้คือ and, but, or, so เป็นต้น เมื่อเชื่อมด้วยคำเหล่านี้ ประโยคจะกลายเป็นประโยคผสม ( Compound Sentence)
and และ | but แต่ | or หรือ | yet แม้กระนั้น | for เพราะว่า | nor และ...ไม่ | so ดังนั้น |
and = และ ใช้เชื่อมข้อความที่คล้อยตามกันทำหน้าที่เชื่อมคำที่เป็นชนิดเดียวกันเช่นกริยากับกริยา คำนามกับคำนาม
I love Pranee and Pongsee.
but = แต่ ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน
The car is nice, but it is too expensive.
or= หรือ มิฉะนั้น ใช้เชื่อมข้อความที่ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
You can have a sandwich or fried rice for lunch.
yet= แม้กระนั้น ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน
He seems happy, yet he never smiles.
so = ดังนั้น ใช้เชื่อมข้อความที่แสดงความเป็นเหตุเป็นผลกัน
Direk hates traffic jams, so he decided not to study in Bangkok .
for= เพราะว่าใช้เชื่อมข้อความที่แสดงความเป็นเหตุเป็นผลกัน
I was not allowed to eat in the restaurant, for I was not wearing a jacket.
nor = และ...ไม่ ใช้เชื่อมข้อความที่คล้อยตามกัน
Somkiet is neither rich nor handsome.
2. Subordinating Conjunctions
คือ การ ใช้คำเชื่อมสองประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้มีความหมายที่สมบูรณ์ โดยอาศัยคำสันธานในการเชื่อม แบ่งออกเป็น 7 ชนิดตามความหมายของแต่ละการเชื่อม คือ
1. เวลา (Time) เป็นการเชื่อมเพื่อแสดงเวลา ได้แก่ before (ก่อน), till (ตั้งแต่ / จนกระทั่ง), since (ตั้งแต่, เนื่องจาก), after(หลังจาก), until (จนกระทั่ง) เช่น
I will finish the work before you return. ฉันจะทำงานให้เสร็จก่อนที่คุณจะกลับมาI will wait here till you turn. ฉันจะรออยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะกลับมา
2. เหตุผล (Cause or Reason) เป็นการเชื่อมเพื่อแสดงเหตุผล ได้แก่ because (เพราะว่า / เนื่องจาก), since (เนื่องจาก), as (เพราะ) เช่น
As he was not there, I spoke to his brother. เพราะเขาไม่อยู่ที่นั่น ผมจึงได้คุยกับพี่ของเขาแทนShe may come, as she is your friend. เธออาจจะมา เพราะเธอเป็นเพื่อนของคุณ
3. วัตถุประสงค์ (Purposes) เป็นการเชื่อมเพื่อแสดงความมุ่งหมาย ได้แก่ that (เพื่อว่า), in order that (เพื่อว่า), lest (เพื่อมิให้ / มิฉะนั้น) เช่น
We eat that we may live. พวกเรากินเพื่อว่าอาจจะมีชีวิตอยู่Walk slowly lest you should fall. เดินช้า ๆ มิฉะนั้นคุณอาจจะหกล้ม
4. ผลลัพธ์ (Result) เป็นการเชื่อมเพื่อแสดงผลที่ตามมาได้แก่ that (จนกระทั่ง) ต้องใช้คู่กับ so เสมอ
She was so tired that she could scarcely stand.
เธอเหนื่อยมากจนแทบจะยืนไม่ติดHe is so ill that he could not come.เขาป่วยมากจนกระทั่งไม่สามารถมาได้
5. เงื่อนไข (Condition) เป็นการเชื่อมแสดงการคาดคะเนเงื่อนไข หรือสมมุติ ได้แก่ if (ถ้า), as if (ราวกับว่า), unless (เว้นไว้เสียแต่ว่า), if……not (ถ้าไม่) เช่น
I will go if Bundit goes. ผมจะไปถ้าคุณบัณฑิตไปThe teacher will help if you ask him. คุณครูคงจะช่วยถ้าคุณถามเขา
6. ยอมรับหรือยินยอม (Concession) เป็นการเชื่อมเพื่อแสดงการยอมรับหรือความแตกต่างกัน เช่น although (ถึงแม้ว่า), though (แม้ว่า) เช่น
I will not see him, though he will come. ฉันไม่เจอเขาแม้ว่าเขาจะมา
A book’s a book, although there is nothing in it. หนังสือก็คือหนังสือแม้ว่าจะไม่มีอะไรในนั้นก็ตาม
7. เปรียบเทียบ (Comparison) เป็นการเชื่อมเพื่อแสดงการเปรียบเทียบได้แก่ than (กว่า) เช่น
He is stronger than Paradon. เขาแข็งแรงกว่าภราดร
3. Correlative Conjunctions
คือ คำ เชื่อมที่เป็นคู่ ๆ โดยมีใจความเท่าเทียมกัน เมื่อเชื่อมกันประธานจะใช้กริยาเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ ให้ถือเอาประธานตัวหน้าเป็นหลัก คำเชื่อมของ correlative conjunctions ได้แก่
either…….or ไม่……ก็…….(อย่างใดอย่างหนึ่ง)neither……nor ไม่ทั้ง………(ไม่ทั้งสองอย่าง)both…….and….. ทั้ง……และ……….not only……but also ไม่เพียงแต่……อีกด้วยwhether……or ไม่ว่า………หรือไม่
ตัวอย่างเช่น
Neither Sombun nor Somsri had attended the class.
ทั้งสมบูรณ์และสมศรีไม่เข้าชั้นเรียนทั้งสองคนYou can drink either milk or tea.
คุณจะดื่มนมหรือไม่ก็น้ำชาก็ได้ She is not only clever, but also honest.
เธอไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้นยังซื่อสัตย์อีกด้วยBoth my brother and my sister play the guitar. ทั้งพี่และน้องของฉันที่เล่นกีต้าร์ The party will be help whether you attend or not. งานเลี้ยงคงจะจัดขึ้นไม่ว่าคุณจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ตาม
4. Compound Conjunctions
คือ คำเชื่อมที่เป็นกลุ่ม คำเชื่อมชนิดนี้ตามด้วยประโยคเสมอ ได้แก่
In order that เพื่อว่า
even if ถึงแม้ว่า
provided that ถ้าว่า/เว้นแต่ว่า/มีข้อแม้ว่า
as though ราวกับว่า/ประหนึ่งว่า
as well as เช่นเดียวกับ
as soon as ในขณะที่/พร้อม ๆๆ กันนั้น
on condition that ในกรณีที่
so that เพื่อว่า
inasmuch as เนื่องจากว่า
as if ราวกับว่า
ตัวอย่างเช่น
Even if you come late, you can attend the club.
ถึงแม้ว่าคุณจะมาสาย คุณก็สามารถเข้าสโมสรได้
He ran home so that he could reach earlier.
เขาวิ่งกลับบ้านเพื่อว่าเขาจะถึงบ้านเร็วขึ้น
The lady pretended as if she were weeping.
เธอแสร้งทำมารยาราวกับว่ากลังจะร้องไห้I will forgive you on condition that you do not repeat that offence.
ฉันจะยกโทษให้คุณในกรณีที่คุณไม่กระทำผิดอีก
Exercise.
Choose the correct conjunction.
- I need to work hard I can pass the exam.
- he was the best qualified party candidate, he didn't win the elections.
- you come back from your trip, we'll meet to discuss the problem.
- They said that the movie was fantastic, I watched it.
- he was very ill, he didn't take any medicine.
- I don't know I can buy a pair of jeans.
- She went to the shops couldn't find anything she liked.
- Everybody likes him because he is nice helpful.
- he was angry with her, he didn't utter a word.
- Keep quiet go out.
Answer.
1. so that2. Although
3. When
4. so
5. although
6. where
7. but
8. and
9. Since
10. or
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น