วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Pronouns



Pronouns (คำสรรพนาม)

Pronouns (คำสรรพนาม) คือคำที่ใช้แทนคำนามหรือคำเสมอนาม (nouns- equivalent) เพื่อ

หลีกเลี่ยงการกล่าวถึงซ้ำซาก หรือแทนสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูด ผู้ฟัง หรือแทนสิ่งของ

ที่ยังไม่รู้ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร คำสรรพนาม (pronouns) แยกออกเป็น 7 ชนิด คือ
·                     Personal Pronouns ( บุรุษสรรพนาม ) เช่น I, you, we, he , she ,it, they
·                     Possessive Pronouns ( สรรพนามเจ้าของ) เช่น mine, yours, his, hers, its, theirs, ours
·                     Relative pronouns (สรรพนามเชื่อมความ) เช่น who, which, that
·                     Reflexive Pronouns (สรรพนามตนเอง) เป็นคำที่มี - self ลงท้าย เช่น myself, yourself, ourselves
·                     Definite Pronouns/ Demonstrative Pronouns (สรรพนามเจาะจง) เช่น this, that, these, those, one, such, the same
·                     Indefinite Pronouns (สรรพนามไม่เจาะจง) เช่น all, some, any, somebody, something, someone
·                     Interrogative Pronouns (สรรพนามคำถาม) เช่น Who, Which, What
1. Personal Pronouns ( บุรุษสรรพนาม ) คือสรรพนามที่ใช้แทนบุคคลหรือสิ่งของในการพูดสนทนา มี 3 บุรุษคือ
บุรุษที่ 1 ได้แก่ ตัวผู้พูด เช่น I, We
 
บุรุษที่ 2 ได้แก่ ตัวผู้ฟัง เช่น You
 
บุรุษที่ 3 ได้แก่ ผู้ที่ถูกกล่าวถึง เช่น He, She, They, It


รูปที่สัมพันธ์กันของคำสรรพนาม
รูปประธาน
รูปกรรม
Possessive Form
Reflexive Pronoun
Adjective
Pronoun
I
me
my
mine
myself
we
us
our
ours
ourselves
you
you
your
yours
yourself
he
him
his
his
himself
she
her
her
hers
herself
it
it
its
its
itself
they
them
their
theirs
themselves
เช่น
I saw a boy on the bus. He seemed to recognize me. 
ฉันเจอเด็กคนหนึ่งบนรถประจำทาง เขาดูเหมือนจะจำฉันได้ (He ในประโยคที่สองแทน a boy และ me แทน I ในประโยคที่หนึ่ง)

My friend and her brother like to swim.
 They swim whenever they can.
เพื่อนฉันและน้องชายของเธอชอบว่ายน้ำ พวกเขาไปว่ายน้ำทุกครั้งที่มีโอกาส ( they ในประโยคที่สอง แทน My friend และ her brother ในประโยคที่ 1 )

2. Possessive Pronouns ( สรรพนามเจ้าของ ) คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามเมื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ได้แก่คำต่อไปนี้ mine, ours, yours, his, hers, its, theirs 
The smallest gift is mine. ของขวัญชิ้นที่เล็กที่สุดเป็นของฉัน 
This is yours. อันนี้ของคุณ
His is on the kitchen counter. ของเขาอยู่บนเคาน์เตอร์ในครัว
Theirs will be delivered tomorrow. ของพวกเขาจะเอามาส่งพรุ่งนี้
Ours is the green one on the table. ของพวกเราคืออันสีเขียวที่อยู่บนโต๊ะ 

3. Reflexive Pronouns ( สรรพนามตนเอง ) คือสรรพนามที่แสดงตนเอง แสดงการเน้น ย้ำให้เห็นชัดเจน มักเรียกว่า -self form of pronoun ได้แก่ myself, yourself, yourselves, himself, herself, ourselves, themselves, itself มีหลักการใช้ดังนี้
·                     ใช้เพื่อเน้นประธานให้เห็นว่าเป็นผู้กระทำการนั้นๆให้วางไว้หลังประธานนั้น ถ้าต้องการเน้นกรรม (object ) ให้วางหลังกรรมเช่น
She
 herself doesn't think she'll get the job. 
The film
 itself wasn't very good but I like the music.
I spoke to
 Mr.Wilson himself.
·                     วางหลังคำกริยาเมื่อกริยาของประโยคเป็นกริยาที่ทำต่อตัวประธานเอง
They
 blamed themselves for the accident.
พวกเขาตำหนิตนเองในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ( ตามหลังกริยาblamed )
You
 are not yourself today. 
วันนี้คุณไม่เป็นตัวของคุณเอง ( ตามหลังกริยาare )
I don't want you to pay for me. I'll
 pay for myself. 
ฉันไม่อยากให้คุณเป็นคนจ่ายเงินให้ฉันจะจ่ายของฉันเอง
 
Julia had a great holiday. She enjoyed
 herself very much.
จูเลียมีวันหยุดที่ดีเธอสนุกมาก
George cut
 himself while he was shaving this morning. 
จอร์จทำมีดบาดตัวเองขณะทีโกนหนวดเมื่อเช้านี้
4. Definite Pronouns/ Demonstrative Pronouns คือสรรพนามที่บ่งชี้ชัดเจนว่าใช้แทนสิ่งใด เช่น this, that, these, those, one, ones, such, the same, the former, the latter 
That is incredible! นั่นเหลือเชื่อจริงๆ (อ้างถึงสิ่งที่เห็น)
I will never forget
 this. ฉันจะไม่ลืมเรื่องนี้เลย (อ้างถึงประสบการณ์เมื่อเร็วๆนี้)
Such is my belief. นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อ (อ้างถึงสิ่งที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ ) 
Grace and Jane ar good girls.
 The former is more beautiful than the latter.
เกรซและเจนเป็นเด็กดีทั้งคู่ แต่คนแรก (เกรซ) จะสวยกว่าคนหลัง (เจน)

5. Indefinite Pronouns คือ สรรพนามที่ไม่เฉพาะเจาะจง ไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นคนนั้นหรือ คนนี้ เช่น
everyone
everybody
everything
some
each
someone
somebody
all
any
many
anyone
anybody
anything
either
neither
no one
nobody
nothing
none
one
more
most
enough
few
fewer
little
several
more
much
less

Everybody loves somebody. คนทุกคนย่อมมีความรักกับใครสักคน
Is there
 anyone here by the name of Smith? มีใครที่นี้ชื่อสมิธบ้าง
One should always look both ways before crossing the street. 
ใครก็ตามควรจะมองทั้งสองด้านก่อนข้ามถนน
Nobody will believe him. จะไม่มีใครเชื่อเขา
Little is expected. มีการคาดหวังไว้น้อยมาก

6. Interrogative Pronouns ( สรรพนามคำถาม ) เป็นสรรพนามที่แทนนามสำหรับคำถาม ได้แก่ Who, Whom, What, Which และ Whoever, Whomever, Whatever, Whichever เช่น

Who wants to see the dentist first? 
ใครอยากจะเข้าไปหาหมอฟันเป็นคนแรก? ( who ในที่นี้เป็นประธาน )
 
Whom do you think we should invite? 
เธอคิดว่าเราควรจะเชิญใคร? (whom ในที่นี้เป็นกรรม - object )
To
 whom do to wish to speak ? 
เธออยากจะพูดกับใคร? (whom ในที่นี้เป็นกรรม - object )
What did she say? 
เธอพูดว่าอะไรนะ? (what เป็นกรรมของกริยา say )
Which is your cat? 
แมวของเธอตัวไหน? (which เป็นประธาน )
Which of these languages do you speak fluently? 
ภาษาไหนในบรรดาภาษาเหล่านี้ที่คุณพูดได้คล่อง? ( which เป็นกรรมของ speak )

7. Relative Pronouns ( สรรพนามเชื่อมความ ) คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่กล่าวมาแล้วในประโยคข้างหน้า และพร้อมกันนั้นก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคทั้งสอง ให้เป็นประโยคเดียวกัน เช่นคำต่อไปนี้ who, whom, which whose ,what, that , และ indefinite relative pronouns เช่น whoever, whomever, whichever, whatever

Children
 who (that) play with fire are in great danger of harm. 
The book
 that she wrote was the best-seller
He's the man
 whose car was stolen last week.
She will tell you
 what you need to know.
The coach will select
 whomever he pleases.
Whoever cross this line will win the race.
You may eat
 whatever you like at this restaurant.

เพิ่มเติม นอกจากนี้ในภาษาอังกฤษเรายังมีสรรพนามอีกประเภทหนึ่งที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนั่นคือ สัมพันธสรรพนาม (Reciprocal Pronouns) คือ คำสรรพนามที่ใช้ในเชิงแสดงความสัมพันธ์ หรือเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวข้อง พึ่งพาอาศัยกันและกัน ซึ่งคำที่เราจะเจอกันบ่อยๆก็คือ Each other และ One another ทั้งสองคำใช้เป็นเสมือนหน่วยๆเดียวหรือเป็นเสมือนสรรพนามที่เป็นเอกพจน์ คือมีเพียง แค่หน่วยเดียวเท่านั้น หรือเรียกง่ายๆก็คือเป็นสรรพนามผสม เมื่อเราใช้แสดงความเป็นเจ้าของ (Possession) จะมีรูปเป็นเอกพจน์เท่านั้น
การวางตำแหน่ง
ทั้ง Each other และ One another นั้นต่างก็เป็นสรรพนาม ฉะนั้นการวางตำแหน่งก็ใช้อย่างสรรพนามได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วที่พบ มักจะมีตำแหน่งวางหลัง กริยา (Verb) และหลังบุรพบท (Preposition) ถ้าอยู่หลังกริยา (Verb) ก็จะเป็นกรรม (Object) ของกริยา (Verb) ตัวนั้นๆ หรือถ้าอยู่หลังบุรพบท (Prep.) ก็เช่นกัน ก็จะเป็นกรรมของบุรพบท(Preposition) ตัวนั้นๆ ตัวอย่างเช่น
(1) วางหลังกริยา (Verb) ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยา
Ex.,Two disciples of Big John's help each other all along when they attend to their English class. 
ลูกศิษย์ 2 คนของ Big John มักจะช่วยเหลือกันและกันตลอด เมื่อพวกเขาเข้าเรียนภาษาอังกฤษ
จากประโยคข้างต้น each other มีตำแหน่งวางอยู่หลัง กริยา help ทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ของกริยา help
Big John's pupils
 helped one another in their study.
นักเรียนทุกคน (มากกว่า 2) ช่วยเหลือกันและกันในการเรียน
จากประโยคข้างต้น one another มีตำแหน่งวางอยู่หลัง กริยา help ทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ของกริยา help
(
2) หลังบุรพบท (Prepositon) ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุรพบท
Ex., Perhaps we can meet up with each other next week at your apartment.
บางทีเรา (2 คน) อาจจะเจอกันสัปดาห์หน้าที่อพาร์ตเมนท์ของคุณ (อาจจะเจอหรือไม่เจอก็ได้)
จากประโยคข้างต้น each other นั้นมีตำแหน่งตามหลัง บุรพบท (Preposition) with ทำหน้าที่เป็นกรรมของ with 
They may meet up
 with one another in the UK in winter.
พวกเขา (มากกว่า 2 คน) อาจจะเจอกันและกันที่ประเทศอังกฤษในฤดูหนาว
จากประโยคข้างต้น one another นั้นมีตำแหน่งตามหลัง บุรพบท (Preposition) with ทำหน้าที่เป็นกรรมของ with 
Big John and his friends are now being
 beside one onother closely because they are afriad of spirits in this haunted house.
บิ๊กจอห์น กับเพื่อนๆ (มากกว่า 2 คน) ของเขาอยู่ใกล้กันและกันติดกันเป็นเกลียวเพราะกลัวผีในบ้านผีสิงหลังนี้มากๆ
จากประโยคข้างต้น one another นั้นมีตำแหน่งตามหลัง บุรพบท (Preposition) beside ทำหน้าที่เป็นกรรมของ beside 

ข้อแตกต่างระหว่าง Each other และ One another 
Each other (ใช้กับบุคคลแค่ 2 คนหรือสิ่ง 2 สิ่ง)
Ex., Two friends of mine have cherrished and adored each other since they got married.
เพื่อนทั้งสองคนของผมต่างก็รักทะนุถนอมและเทิดทูนซึ่งกันและกันตั้งแต่วันแรกที่เขาแต่งงานกัน
 
จากประโยคข้างต้น each other มีตำแหน่งวางอยู่หลัง กริยา cherished และ adored ทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ของกริยาทั้ง 2
One another (ใช้กับบุคคลมากกว่า 2 คน หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มากกว่า 2 ขึ้นไป) 
Ex., They knew one another before since they were in the UK.
เขา(มากกว่า 2 คน) รู้จักกันมาก่อนแล้ว ตอนที่พวกเขาอยู่อังกฤษ
จากประโยคข้างต้น one another มีตำแหน่งวางอยู่หลัง กริยา knew ทำหน้าที่เป็นกรรม (Object)ของกริยา knew  

แบบฝึกหัดที่ 1 จงใช้คำสรรพนามแทนคำนามที่ขีดเส้นใต้ 
1. Look at Jenny (a). Jenny (b) is studying English. 
a. …………. b. ………….
 
2.
 The students (a) are singing a song. The song (b) is very nice. 
a. …………. b. ………….
 
3.
 The teacher (a) asked her students (b) about the dog (c). 
a. …………. b. …………. c. ………….
 
4. Dave and I (a) go to school by bus. 
a. ………….
 
5.
 My father (a) gave some money (b) to my mother and me (c). 
a. …………. b. …………. c. ………….
 

แบบฝึกหัดที่ 2 จงขีดเส้นใต้เลือก Possessive pronoun หรือ Possessive adjective ให้ถูกต้อง 
1. David had (his, hers) hair cut.
 
2. It was not his fault. It’s (their, theirs)
 
3. (Her, Hers) book is here.
 
4. (Your, Yours) is over there.
 
5. This hat is (my, mine). The other one is (ours, his)
 
6. A bee has two wings on each side of (it’s, its) body.
 
7. The girls put (their, theirs) bags under the benches.
 
8. Pam is wearing (hers, her) pin, not (your, yours)
 
9. Tell (her, hers) not to forget (her, hers) book.
 
10. Don’t beat the dog. It’s ours, our) dog not (your, yours)
 

เฉลย
 แบบฝึกหัดที่ 1 จงใช้คำสรรพนามแทนคำนามที่ขีดเส้นใต้ 
1. Look at Jenny (a). Jenny (b) is studying English. 
a. her b. She 
2.
 The students (a) are singing a song. The song (b) is very nice. 
a. They b. It 
3.
 The teacher (a) asked her students (b) about the dog (c). 
a. She b. them c. it 
4.
 Dave and I (a) go to school by bus. 
a. We 
5.
 My father (a) gave some money (b) to my mother and me (c). 
a. He b. it c. us 
เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2 จงขีดเส้นใต้เลือก Possessive pronoun หรือ Possessive adjective ให้ถูกต้อง 
1. David had (
his, hers) hair cut. 
2. It was not his fault. It’s (their,
 theirs) 
3. (
Her, Hers) book is here. 
4. (Your,
 Yours) is over there. 
5. This hat is (my,
 mine). The other one is (ours, his) 
6. A bee has two wings on each side of (it’s,
 its) body. 
7. The girls put (
their, theirs) bags under the benches. 
8. Pam is wearing (hers,
 her) pin, not (your, yours) 
9. Tell (
her, hers) not to forget (her, hers) book. 
10. Don’t beat the dog. It’s (ours,
 our) dog not (your, yours) 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น